วันๆ คุณพกอะไรติดตัวบ้าง? เป็นคำถามที่หลายคนไม่เคยถามตัวเอง หรือไม่ค่อยจะสนใจนัก บางคนแทบไม่พกอะไรเลย แม้แต่กระเป๋าสตางค์ บางคนแบกเป้ใบใหญ่ไปทำงานทุกวัน
การจัดหรือนำสิ่งของต่างๆ ติดตัวไปในชีวิตประจำวัน หากมีการวิเคราะห์ดีๆ มีส่วนช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นนะครับ หรืออย่างน้อยก็หงุดหงิดน้อยลง แต่เรื่องพวกนี้ คิดแทนกันไม่ได้ เพราะกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนหรืออุปกรณ์ต่างๆไม่น้อย ที่พยายามคิดและนำเสนอ ให้พวกเราลองเอาไปพกติดตัวดู
ในบทความนี้ผมจะนำเสนออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่นิยมพกติดตัว และมีผู้ผลิตนิยมผลิตออกมาขาย และจัดสินค้าเหล่านี้อยู่ในประเภทที่เหมาะสำหรับ daily use หรือใช้ในชีวิตประจำวัน หรือที่เรียกันว่า EDC (EVERYDAY CARRY) โดยที่ผมมองว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีติดตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็น หรือของอื่นนอกเหนือจากนี้ ไม่เหมาะจะนำมาพกติดตัวนะครับ ก็อย่างที่บอกไว้ตอนแรก แต่ละคนมีกิจกรรมแตกต่างกันไป โดยอุปกรณ์พื้นฐานที่ผมคิดว่าควรมีติดตัวไว้ มีดังนี้ครับ
1. อุปกรณ์บอกเวลา : ก็นาฬิกานี่แหล่ะครับ เพียงแต่ผมไม่ได้ระบุว่าเป็นนาฬิกาเพราะเราสามารถใช้ smartphone แทนได้ อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดเลยครับ
2. แสงสว่าง : ไฟฉายแบบพกพาครับ หรือใครจะสะดวกใช้ จากไฟ flash ของ smartphone ก็ได้อีกนั่นแหล่ะ ผมมองว่ามีความจำเป็น โดยเฉพาะใครที่มักทำงานถึงมืดๆ, ทำงานที่แสงน้อย หรือหากต้องเดินในทางมืดๆ หาของที่ทำตกในรถ หรือใต้เบาะนั่ง ไฟฉายมีประโยชน์มากครับ
3. ของมีคม : มีดหรือกรรไกร ในชีวิตประจำวันมันมักจะมีเรื่องให้ต้องใช้อะไรคมๆ อยู่บ้าง ฉีกถุงพลาสติกไม่ออก เจาะน้ำแก้วพลาสติกจนหลอดหักงอ มีพัสดุมาส่ง การมีมีดพกเล็กๆ ซักอันก็ทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้นเยอะ
4. กระเป๋า : พื้นฐานเลยก็กระเป๋าสตางค์เป็นอย่างน้อย ใครที่รำคาญมันตุงๆ เวลาพก ก็เลือกเป็นแบบกระเป๋าใส่บัตรบางๆก็ได้ กระเป๋ามันช่วยให้เราหาบัตรได้ง่าย เลือกหยิบเงินก็ง่ายกว่า และยังช่วยป้องกันความเสียหายของบัตรหรือเงินได้บ้าง หลายๆคนคงเคยแบงค์เปียกเหงื่อจนชื้น เพราะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงโดยตรง
มาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะยังงงๆ ว่าตกลงต้องพกอะไรกันแน่วะ เขียนมาซะกว้างขนาดนี้ ก็อย่างที่ผมบอกครับ ผมไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านแต่ละท่าน ยอมรับการพกของติดตัวได้มากน้อยแค่ไหน ผมก็เลยพยายามสรุปแบบภาพรวมที่ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในการพกติดตัว โดยไม่ได้ระบุเจาะจงชื่ออุปกรณ์ที่ชัดเจนนัก
เพื่อความเข้าใจ ผมพยายามทำให้เห็นภาพมากขึ้น โดยจากประสบการณ์ที่เคยใช้ของพวกนี้มา ผมอยากจะแบ่งความเยอะน้อย ในการพกของติดตัว ออกเป็น 3 กลุ่มกว้างๆ และอุปกรณ์ที่ควรติดตัวไปของแต่ละกลุ่ม ดังนี้ครับ
A. Light Weight Carrier, เดินตัวเบา
- smartphone
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบพกอะไรติดตัว ก็ไม่ต้องพกครับ! เพราะ เวลา และ แสงสว่าง เราสามารถใช้ smartphone แทนได้ครับ ดังนั้นคุณจะขาดแค่ ของมีคม และ กระเป๋า สำหรับของมีคมนั้นโอกาสที่จะต้องใช้ก็ไม่มากนักหลอกครับ พอละเลยได้ ส่วนกระเป๋าถ้าพกแค่เงิน กับบัตรไม่กี่ใบ ก็กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าเสื้อสบายๆ ครับ
ข้อดี : พกน้อย เบาสบาย คล่องตัว
ข้อเสีย : การนำออกมาใช้ไม่สะดวก เพราะต้องอาศัยฟังก์ชันจาก smartphone ซึ่งความคล่องตัว หรือประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า อุปกรณ์เฉพาะทาง และขาดของมีคม ซึ่งคราวต้องใช้อาจหงุดหงิดได้
เหมาะกับใคร : งาน office ทั่วไป ที่ส่วนใหญ่อยู่กับ computer นะผมคิดว่า เพราะพวกมีดคัตเตอร์ หรือกรรไกรน่าจะมีไว้ที่โต๊ะทำงานอยู่แล้ว กลุ่มนี้ในวันหยุด อาจหามีดพับเล็กๆซักอัน ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ก็พร้อมลุยแล้วผมว่า


B. Fair Carrier, พอได้
- นาฬิกาข้อมือ
- ไฟฉายติดพวงกุณแจ/ไฟฉายขนาดเล็ก
- มีดพับหรือ multitool ขนาดเล็ก (keychain size)
- กระเป๋าสตางค์แบบ bifold หรือกระเป้าใส่บัตร
สำหรับผู้ที่พกสิ่งของติดตัวไปได้บ้าง และพวกไฟฉาย, มีดพับ หรือ multi-tool ที่นำมาพกติดตัวควรมีความยาวไม่เกิน 6 ซม. ครับ และ Ø หรือสัดส่วนอื่นก็ไม่ควรเกิน 2 ซม. เพราะถ้าใหญ่กว่านี้ ผมรู้สึกว่ามันใส่ในกระเป๋ากางเกงแล้วเกะกะ
ข้อดี : ของครบ ประสิทธิภาพดี หยิบออกมาใช้ได้สะดวก และยังคงความคล่องตัวอยู่บ้าง
ข้อเสีย : พกเยอะขึ้น และแม้ว่าของครบก็จริง แต่ยังรับงานหนักๆ ไม่ได้ เนื่องจาก spec อุปกรณ์เป็นแบบ keychain size ซึ่งมีขนาดเล็ก เหมาะกับงานเบาๆซะมากกว่า
เหมาะกับใคร : สำหรับผู้ที่มีการทำงานนอกพื้นที่บ้าง งานตามไซด์งาน ในโรงงาน พบลูกค้า ไม่ได้อยู่แต่ใน office อย่างเดียว ส่วนตัวผมเองทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ก็พกของติดตัวประมาณนี้เช่นกัน
ตัวอย่าง ไฟฉาย, มีดพับ หรือ multi-tool ขนาดเล็ก สำหรับห้อยพวงกุญแจ







C. Functional Carrier, พร้อมเสมอ
- นาฬิกาข้อมือ
- ไฟฉายขนาดเล็ก
- มีดพับ ใบมีดยาวประมาณ 3 นิ้ว
- multitool ขนาด pocket ถึงขนาดปกติ
- กระเป๋าสตางค์
- ปากกา (optional)
- กระเป๋าคาดอก/เอว หรือ messenger bag (optional)
สำหรับกลุ่มนี้ก็เต็มที่ได้เลย เพราะกลุ่มนี้น่าจะมีกระเป๋าติดตัวกันอยู่แล้ว การนำอุปกรณ์เหล่านี้ติดกระเป๋าไว้ ก็ดูน่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้หลากหลายเลยครับ มีดพับขนาดตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไปจะใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะหั่นหรือทำอาหาร ปลอกผลไม้ พวก multi-tool ขนาด pocket size นั้น ส่วนใหญ่ก็ให้อุปกรณ์มาครบครัน รับงานหนักได้พอควร ไฟฉายขนาด pocket size ปัจจุบันก็สามารถให้ความสว่างได้ 500 lumens ขึ้นไปสบายๆ อุปกรณ์ที่เลือกมาใช้อาจไม่จำเป็นต้องเล็กมาก ถ้าใส่ในกระเป๋าแยก เพราะขนาดเล็กก็มีข้อเสียคือจับไม่ถนัดเท่าใดนัก
ข้อดี : ก็ตามชื่อเลยครับ มีอุปกรณ์ต่างๆ ติดตัวครบครัน พร้อมรับมือกับสถานการที่หลากหลาย อุปกรณ์ต่างๆมีขนาดที่เหมาะมือ ไม่เล็กเกินไป
ข้อเสีย : พกติดตัวลำบาก เกะกะ เพราะอุปกรณ์ถึงแม้จะเป็นขนาด pocket size แต่ถ้ามีรวมกันซัก 2-3 ชิ้น ก็ไม่ไหวเหมือนกัน อาจต้องอาศัยกระเป๋าคาดอก/เอว หรือพวกกางเกง cargo pants ที่มีหลายๆกระเป๋า เพราะอย่าลืมว่ายังมีกระเป๋าสตางค์ และ smartphone อีก ต่อให้ใส่กระเป๋ากางเกงได้หมด เวลาเดินก็อึดอัด เกะกะอยู่ดีครับ
เหมาะกับใคร : กลุ่มที่ทำงาน outdoor เป็นหลักแหล่ะครับ กลุ่มนี้ผมมองว่ามักมีกระเป๋าใส่อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพของตัวเองอยู่แล้ว เช่น ตากล้อง วิศวกรตามไซด์งานก่อสร้าง ช่างเทคนิคสาขาต่างๆ การเดินทางท่องเที่ยว เดินป่า หรือ camping ก็เหมาะ
ตัวอย่าง ไฟฉาย, มีดพับ หรือ multi-tool ขนาด pocket size






ก็เป็น 3 กลุ่ม ที่ผมพยายามแบ่งคร่าวๆ ให้พอเห็นภาพครับ ใครจะพอใจกลุ่มไหน อยากเพิ่มหรือลดอะไร ก็อยากให้ทดลองกันดูครับ ใครที่ยังไม่เคยพกอะไรพวกนี้เลย ผมแนะนำลองหา Victorinox ขนาดเล็กรุ่นที่มีไฟ LED ด้วย มาห้อยคู่กับกุญแจรถก็ได้ ได้ทั้งมีดทั้งไฟ รับรองจะติดใจ สิ่งที่สำคัญก็คืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เราเลือกพกติดตัวไปนั้น เหมาะหรือคุ้มค่าแค่ไหน ที่จะนำติดตัวไป ก็มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นแหล่ะครับที่เป็นคนตัดสินได้
สุดท้ายเป็นอุปกรณ์ที่ผมพกติดตัวทุกวันที่ออกจากบ้านคือ ไฟฉาย 4Sevens Qmini X123 และ Victorinox Rambler ที่เพิ่ม screwdriver และที่เปิดขวด โดยทั้งคู่ผมห้อยไว้กับพวงกุญแจที่ทำขึ้นมาเอง และใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ในโอกาสต่อๆไปผมจะพูดเรื่องการพก และการหยิบออกมาใช้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านได้บ้าง
